[ Quick Big Win ทุนพลังงาน Win แต่ประชาชนต้องมาทนจ่ายค่าไฟแพงแทน ]
.
[ 1. Quick Big Win ใครกันแน่ที่วิน? ]
รัฐบาลชู “Quick Big Win” ด้านพลังงาน แต่รูปเกมตอนนี้ทำท่าว่าจะกลายเป็น ทุนพลังงาน Win ผู้ใช้ไฟต้องจ่าย เพราะยังเดินหน้ารับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนเพิ่มรัวๆ ในราคาแพงราคาเดิม โดยไม่ประมูล ทั้งที่ต้นทุนเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ลดลงต่อเนื่อง และระบบมีไฟฟ้าสำรองล้นอยู่ราว 19,000 เมกะวัตต์ อยู่แล้วตอนนี้
.
[ 2. สานต่อปัญหาเก่า 2,100 MW ]
โครงการรับซื้อไฟหมุนเวียนรอบเพิ่มเติม 3,600 MW ที่รัฐบาลแพทองธารเดินหน้า 2,100 MW เดิมมีมติ ชลอเพื่อให้ไปเจรจาลดราคา หลังจากที่พรรคประชาชนจี้ มีพิรุธ ทุจริตนโยบาย 4 ประเด็น ตั้งแต่ 1.ซื้อโดยไม่จำเป็นเพราะไฟล้นอยู่แล้ว 2.ซื้อซ้ำซ้อนกับการเปิดเสรีไฟฟ้า 2,000 MW 3.ซื้อราคาแพงที่กำหนดไว้ 3 ปีที่แล้ว ไม่ยอมเปิดประมูล 4.มีการล็อคโควต้าให้เอกชนรายเก่าได้สิทธิก่อน
.
แต่พอเปลี่ยนเป็นรัฐบาลอนุทิน กลับมีมติสั่งเดินหน้าต่อที่ราคาเดิม ไม่เจรจาลดราคารับซื้อเลย แม้ต้นทุนลดลง หากปล่อยให้ไปถึงขั้นลงนามสัญญา เท่ากับ ล็อกราคาอีก 25 ปี ภาระสุดท้ายตกที่ผู้ใช้ไฟทั้งประเทศ
.
[ 3. เพิ่มปัญหาใหม่ รับซื้อไฟฟ้าเพิ่มอีก 1,500 MW! ]
นอกจากไม่แก้ของเก่า กลับมีแนวโน้ม “ซื้อเพิ่ม” อีก 1,500 MW ในนาม “โซลาร์ชุมชน” ฟังดูดี แต่ ราคาที่รัฐจะต้องจ่ายรับซื้อกลับแพงขึ้น เพิ่มจาก 2.17 เป็น 2.25 บาท/หน่วย ต่าง 8 สตางค์ สุดท้ายค่าใช้จ่ายนี้ถูก “เฉลี่ย” กลับมาที่บิลของประชาชนทั้งประเทศ ทั้งที่เรายังมีไฟเกินความจำเป็น โดยยกข้ออ้างว่า ชุมชนหรือท้องถิ่นที่กลุ่มทุนพลังงานไปลงทุนจะได้ใช้ไฟฟ้าถูกลง ซึ่งก็แน่สิ เพราะรัฐยินดีที่จะรับซื้อไฟฟ้าแพงขึ้น แล้วให้คนทั้งประเทศมาหารจ่ายค่าไฟแพงแทน
.
[ 4. ส่วนการปรับโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้า ปลดล็อคผูกขาดไฟฟ้า จากนโยบาย Direct PPA เปิดเสรีไฟฟ้าน่าจะไม่ถึงฝัน ]
หลักการเปิดเสรีผ่าน Direct PPA ให้ผู้ผลิตผู้ใช้ไฟสะอาดซื้อขายโดยตรงผ่านการเช่าสายส่งเดิม แต่ตัวเลข ค่าเช่าสายส่ง (wheeling charge) ที่กำลังถูกประกาศรับฟังความคิดเห็น กลับกำหนดที่ 1.66-3.00 บาท/หน่วย ขณะที่ต้นทุนสายส่งในระบบไฟฟ้าเดิมอยู่เพียง 1 บาท/หน่วยเท่านั้น นี่คือการกำหนดค่าใช้ระบบสายส่งที่ต้นทุนแพงขึ้น 2-3 เท่า ทำให้การริเริ่มไปสู่การเปิดเสรีไฟฟ้า น่าจะไม่บรรลุผล และทำให้ความน่าสนใจลงทุนในประเทศไทยลดลง นักลงทุนพลังงานสะอาดลังเล ประเทศเสียความสามารถในการแข่งขัน ถ้าไม่มีไฟฟ้าสะอาดในราคาที่เหมาะสมและแข่งขันได้เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่ทำได้ไปแล้ว
.
[ 5. แผน PDP ฉบับใหม่ ]
4 เดือนจากนี้คือ “หน้าต่างเวลา” สำคัญ ต้องเร่งทบทวน PDP ใหม่ ให้สอดคล้องเป้า Net Zero อย่างโปร่งใสและมีส่วนร่วม ซึ่งระหว่างทบทวนแผน PDP ตามหลักการแล้วควรจะต้องชะลอการอนุมัติรับซื้อไฟเพิ่ม และร่างแผน PDP ที่จะทบทวน ไม่ควรที่จะเพิ่มโรงไฟฟ้าฟอสซิล และ ทบทวน LNG Terminal 3 ที่จะกลายเป็นต้นทุนค้างในระบบไฟฟ้าโดยไม่จำเป็น
.
สิ่งที่รัฐบาลทำได้ทันที ใช้มติ กพช. ซึ่งนายกฯ เป็นประธานอยู่แล้ว ยกเลิกการรับซื้อเดิมก่อนลงนามสัญญา, จัด ค่าเช่าสายส่งที่ยุติธรรม ให้เท่าเทียมระหว่างไฟในระบบเดิมกับธุรกรรม Direct PPA, และออก PDP ใหม่ ด้วยข้อมูลโปร่งใสเพื่อให้ “การเปิดเสรี” แปลผลเป็น บิลค่าไฟที่ถูกลง ของทุกบ้าน ไม่งั้น Quick Big Win จะกลายเป็น ทุนพลังงาน Win แต่ประชาชนต้องมาทนจ่ายค่าไฟแพงแทน
.
#สสเติ้ล #สสวรภพ #พรรคประชาชน #ค่าไฟแพง